มีใครไม่เคยโกรธกันบ้าง น้อยมากนะที่เราจะได้เจอคนประเภทนี้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม และเราไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวได้ตลอดเวลา ดังนั้นความขัดแย้งอาจจะเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ บางครั้งถ้าเจรจาประนีประนอมกันได้ก็ดีไป แต่บางครั้งก็ทะเลาะกันจนไม่มองหน้ากัน ไม่กลับไปคุยกันเลยก็มี

แล้วถ้าเกิดอีกฝ่ายมาทำให้เราโกรธ เราก็คงอยากที่จะโต้ตอบกลับไปทันที แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักจะออกมาแย่อยู่เสมอ ช่วงเวลาที่รู้สึกโกรธ จะเป็นช่วงเวลาที่เราขาดสติได้ง่ายที่สุด พอเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ก็จะทำให้เราพูดหรือทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดลองใจเย็นๆ และตั้งสติเข้าไว้ ทำวิธีนี้ดู แล้วทุกอย่างก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย
สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ตั้งสติ แล้วลองฝึกตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า “ถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกยังไง”
วิธีนี้จะช่วยลดอคติที่เรามีต่ออีกฝ่ายได้ ซึ่งจริงๆ มันก็คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นแหละ การตั้งคำถาม จะทำให้เราได้มีเวลาคิด ทบทวน และทำความเข้าใจอีกฝ่ายได้ว่า เพราะอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมนั้นๆ ออกมา และทำให้เราไม่พอใจ ซึ่งถ้าเราเข้าใจถึงที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ เราก็จะเข้าใจเขา และทำให้เราให้อภัยเขาได้ง่ายขึ้นด้วย
อีกคำถามหนึ่งที่เราควรจะตั้งให้กับตัวเองบ่อยๆนั่นก็คือ “ทำไมเขาจึงพูดหรือแสดงพฤติกรรมนี้ออกมา”

หลายครั้งที่เรามักจะต้องติดต่อกับบุคคลมากมาย เพื่อให้งานต่างๆ สำเร็จเรียบร้อยตามที่ตั้งใจไว้ แต่บางครั้งเรากลับต้องไปเจอคนที่มีอารมณ์หงุดหงิด แสดงท่าทีไม่พอใจเรา เห็นแบบนี้ เราจะไม่หงุดหงิดกลับไปได้ยังไงล่ะ?
เมื่อคิดดูดีๆ เราจะรู้ว่า สิ่งที่เราเห็นอีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมาเป็นเพียงเบื้องหน้าที่เรามองเห็นเท่านั้น แต่เบื้องหลังเขาต้องเจออะไรมาบ้าง เราอาจจะลืมคิดถึงตรงนี้ไป เพราะว่าเรามองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เขาเผชิญอยู่
ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ให้เห็นภาพ สมมติว่าคุณเป็นคุณครูที่สอนนักเรียนในชั้นเรียนหนึ่ง คุณบอกกับนักเรียนทุกคนว่า อีก 1 สัปดาห์จะจัดงานปีใหม่ของห้องเรียน ให้เด็กๆเตรียมของขวัญปีใหม่ราคาขั้นต่ำ 100 บาท กับนำอาหารว่างมาเลี้ยงเพื่อนร่วมชั้นอีกคนละ 1 อย่าง แต่พอวันงานคุณกลับพบว่ามีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้เตรียมอาหารว่างมา แถมของขวัญที่เตรียมมานั้น แทนที่จะใส่ของมีราคาตามที่ตั้งไว้ กลับใส่เศษกระดาษที่เขียนคำอวยพรเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
คุณอาจจะรู้สึกโกรธ ผิดหวัง และนึกตำหนิเด็กคนนั้นว่า ทำไมไม่ใส่ใจในสิ่งที่แจ้งไป ทั้งๆ ที่บอกล่วงหน้าไปแล้ว 1 สัปดาห์
แต่ถ้าลองเปลี่ยนมาเป็นการตั้งคำถามว่า “ทำไมเด็กคนนั้นถึงทำแบบนี้” คุณก็จะเริ่มเรียกเด็กคนนั้นเข้ามาคุย และเมื่อเขาได้อธิบาย เราก็จะเข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำของเด็กคนนั้นได้มากขึ้น แถมคุณก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย
มีคำกล่าวที่ว่า “เราไม่มีทางรู้หรอกว่า แต่ละคนที่เราได้พบ ติดต่อ พูดคุยด้วย เบื้องหลังเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง” ลองตั้งคำถามดังกล่าวนี้ให้กับตัวเองดูสิ แล้วคุณจะพบว่า ทุกความสัมพันธ์ที่เรามี มันราบรื่นไปหมดเลยแฮะ!
